Achilles Curse and the Curse of Treasure (2024) – การผจญภัยแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยสีสัน แต่ CG ยังขาดพลังในหลายฉากสำคัญ

Achilles Curse and the Curse of Treasure (2024) คือการผจญภัยแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยสีสัน ความลึกลับ และเสน่ห์ของตำนานกรีกผสานเข้ากับการล่าขุมทรัพย์สุดตื่นเต้น แม้จะมีจินตนาการพาเราโลดแล่นไปไกล แต่หลายฉากกลับสะดุดเพราะงาน CG ที่ยังไม่สมบูรณ์เท่าที่คาดหวัง ดูหนังออนไลน์

บทรีวิว : 

ภาพยนตร์ Achilles Curse and the Curse of Treasure (2024) – การผจญภัยแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยสีสัน แต่ CG ยังขาดพลังในหลายฉากสำคัญ เปิดฉากด้วยบรรยากาศคล้ายตำนานเล่าขานอันยิ่งใหญ่ เราได้เห็นแสงอาทิตย์ที่สาดลงบนท้องทะเลสีครามและเงาร่างของเหล่านักล่าสมบัติผู้แบกภารกิจเหนือจินตนาการ หนังตั้งต้นด้วยการดึงผู้ชมเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยความลึกลับ—ทั้งคำสาปโบราณ เรื่องเล่าของนักรบผู้เป็นอมตะอย่าง Achilles และสมบัติที่เชื่อมโยงโชคชะตากับความทะเยอทะยานของมนุษย์

บรรยากาศของเรื่องนี้มีเสน่ห์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการผสมผสานฉากทะเลกรีกโบราณกับดินแดนลี้ลับใต้ภูเขาไฟ งานภาพบางช่วงให้ความรู้สึกเหมือนงานศิลป์ในนิทาน แต่บางช่วงกลับพลิกไปสู่ความมืดหม่นราวกับโลกแห่งฝันร้าย ความสวยงามของโทนสีและการจัดแสงทำให้หนังยังคงดึงดูดสายตาได้ แม้ว่า CG ในหลายฉากสำคัญจะไม่สามารถยกระดับความอลังการได้เต็มที่ เช่น ฉากการปรากฏตัวของสิ่งมีชีวิตในตำนานที่ควรจะน่าเกรงขาม แต่กลับดูเบาหวิวเหมือนภาพคอมพิวเตอร์ที่ยังเรนเดอร์ไม่เสร็จ

สิ่งที่หนังทำได้ดีคือการถ่ายทอดอารมณ์การผจญภัยแบบ “คลื่นทะเล” —มีทั้งช่วงที่เร้าใจราวกับคลื่นซัดกระแทกโขดหิน และช่วงที่เนิบช้าราวกับเรือที่ลอยเอื่อยในทะเลนิ่ง จังหวะการดำเนินเรื่องมีทั้งความเข้มข้นจากฉากต่อสู้ และความผ่อนคลายในบทสนทนาที่พยายามจะขุดลึกถึงความเป็นมนุษย์ของตัวละคร การเปรียบเปรยระหว่างคำสาปกับ “ความโลภ” ของมนุษย์ก็เป็นเส้นเรื่องที่น่าสนใจ หนังพยายามถามเราว่า แท้จริงแล้วสมบัติที่มีค่าที่สุดคือทองคำหรือความกล้าหาญที่ซ่อนอยู่ในใจ

ตัวละครหลักแม้จะวางโครงมาอย่างชัดเจน—ทั้งผู้นำกลุ่มนักล่าสมบัติที่แบกความลับส่วนตัว หญิงสาวผู้รู้เรื่องตำนาน และเพื่อนคู่หูที่สร้างสีสัน—แต่การเล่าเรื่องกลับไม่ได้ทำให้พวกเขาเปล่งประกายอย่างเต็มที่ บางจังหวะเหมือนหนังลังเลว่าจะเน้นการผจญภัยแบบแอ็กชันหรือจะขยับไปสู่การสะท้อนปรัชญา จึงทำให้ความลึกซึ้งของตัวละครยังไม่ถึงจุดที่ผู้ชมอินสุด ๆ

อย่างไรก็ตาม จุดเด่นที่ยังคงทำให้เรื่องนี้ดูมีเสน่ห์คือ “การสร้างโลก” ที่พยายามเชื่อมโยงตำนาน Achilles เข้ากับการล่าขุมทรัพย์สไตล์ Indiana Jones การนำเสนอเมืองโบราณที่ถูกสาปหรือประตูมิติใต้ดินยังคงชวนให้ตื่นตาตื่นใจ แม้ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับงานแฟนตาซีระดับสูงที่เคยทำให้เราขนลุก หนังเรื่องนี้ยังขาด “แรงปะทะ” ที่ทำให้หัวใจสั่นสะเทือนจริง ๆ

ในเชิงจังหวะ หนังมีความผันผวนพอสมควร ฉากแอ็กชันช่วงแรกถูกบิ้วท์ให้เราคาดหวัง แต่พอถึงกลางเรื่องกลับเนือยลงจนหลายคนอาจเผลอมองนาฬิกา ความรู้สึกนี้เหมือนการเดินทางไกลที่ระหว่างทางเต็มไปด้วยวิวสวย แต่บางทีก็ยืดยาวเกินกว่าจะทำให้เราตื่นเต้นต่อเนื่อง ถึงกระนั้น หนังยังพอจะกู้บรรยากาศได้ในช่วงท้ายที่พยายามสร้างเซอร์ไพรส์ แม้จะไม่หวือหวา แต่ก็ยังคงฝากความหมายให้คนดูได้ขบคิด

สิ่งที่หนังพยายามจะสื่อชัดเจนที่สุดคือ การตั้งคำถามถึงความหมายของ “คำสาป” ในชีวิตจริง คำสาปในหนังอาจเป็นเพียงพิธีกรรมโบราณ แต่เมื่อเทียบกับโลกมนุษย์ปัจจุบัน มันก็เปรียบได้กับพันธนาการที่เราสร้างเอง—ไม่ว่าจะเป็นความทะเยอทะยานเกินพอดี หรือความโลภที่ไม่มีที่สิ้นสุด สมบัติที่ถูกล่าตลอดทั้งเรื่อง จึงอาจไม่ใช่เพชรพลอยทองคำ แต่คือ “เสรีภาพจากคำสาปในใจตัวเอง”

ในภาพรวม Achilles Curse and the Curse of Treasure เป็นหนังที่เต็มไปด้วยความตั้งใจในการเล่าเรื่องแฟนตาซีผสมตำนานกรีก มีสีสันและจินตนาการที่น่าสนใจ แต่ยังไม่สามารถยกระดับด้วยงาน CG และการเล่าเรื่องให้สมบูรณ์แบบได้ หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบหนังผจญภัยแนวล่าขุมทรัพย์ มีความคลั่งไคล้ในตำนานและไม่ติดใจกับความไม่เนียนของ CG มากนัก เรื่องนี้ยังคงมอบความเพลิดเพลินและแรงบันดาลใจบางอย่างได้ แต่ถ้าคุณคาดหวังภาพที่สมจริงอลังการเทียบเท่าหนังฟอร์มยักษ์ระดับโลก อาจจะรู้สึกว่าหนังยัง “ไม่สุด”